- Back to Home »
- ++รวมข่าวปิศาจแดง++ »
- ข่าว Premier League .
Posted by : JK.ROME
วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557
เซอร์ไพรส์แรกของฟาน กัล
ความผิดหวังแบบไม่ได้ตระเตรียมใจของแฟนผีตั้งแต่วันแรกของฤดูกาล ชวนให้ผมนึกถึงสองเรื่อง เรื่องแรกคือผลงานชิ้นโบดำของทีมชาติบราซิล ในศึกฟุตบอลโลกที่เพิ่งผ่านพ้นหมาดๆ
เคยเขียนถึงแล้ว แต่ขออนุญาตเขียนอีกครั้งคร่าวๆ ว่าความล้มเหลวในระดับหายนะของแชมป์โลก 5 สมัย & เจ้าภาพ ส่วนหนึ่งเนื่องเพราะพวกเขาแพ้ภัยตัวเอง
การคว้าแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ หนึ่งซัมเมอร์ก่อนหน้า กลายเป็นผ้าผูกตาหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ จากการมองเห็นปัญหาหรือจุดอ่อนในทีมว่าอะไรยังต้องปรับปรุงแก้ไข
บราซิล มีการขยับเปลี่ยนแปลงน้อยมากจากชุดคอนเฟดฯ มาถึงฟุตบอลโลก ทั้งตัวนักเตะและวิธีการเล่น
ผมเชื่อว่าถ้าศูนย์หน้าสากกะเบือที่ชื่อเฟร็ด สอบตกในทัวร์นาเมนต์ปีที่แล้ว ถ้าเนย์มาร์ โดนล็อกจนเล่นไม่ออก หรือถ้าแนวรับโดนขยี้จนเปื่อย แพ้หลุดลุ่ยราบคาบ
บราซิลในฟุตบอลโลก 2014 คงจะไม่แสดงท่าทีพองขนหยิ่งยโสโอหังเยี่ยงนี้
แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะแพ้สักนัด หรือสองนัดในช่วงปรีซีซั่น เพื่อให้เห็นปัญหา เพื่อให้เห็นจุดอ่อน ผมรู้สึกอย่างนั้น
การไปตระเวนทัวร์อเมริกา และทำผลงานยอดเยี่ยม เก็บรายชื่อเหยื่อทั้งโรม่า, อินเตอร์, เรอัล มาดริด รวมถึงคู่อริอย่างลิเวอร์พูล มาบูชาบนหิ้ง แถมกลับมาเปิดตัว หลุยส์ ฟาน กัล ต่อหน้าแฟนๆ ครั้งแรกด้วยการชนะบาเลนเซีย ในช่วงทดเจ็บ
บรรยากาศและอารมณ์ย่อมตลบอบอวลไปด้วยความตื่นเต้น ดีใจ ปลาบปลื้ม และคาดหวัง
ใครจะมาสะกิดไหล่เตือนว่าของจริงกับอุ่นเครื่อง มันคนละเรื่องกันเว้ยเฮ้ย ก็โดนสวนว่าอย่ามาองุ่นเปรี้ยวแถวนี้
และนี่คือเรื่องต่อมาที่ผมนึกถึง....เสียงเตือนจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
หลังจบนัดชิงอินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ ลีก เอ๊ย คัพ ที่ไมอามี่ ด้วยชัยชนะของแมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือดนอกรอบ ร็อดเจอร์ส ถูกถามถึงการเตรียมเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพรีเมียร์ลีก ของหลุยส์ ฟาน กัล
''เขาจะพบว่ามันแตกต่างจากลีกอื่นๆ ที่เคยทำงานมา''
''ในหลายๆ ลีกเหล่านั้น มันอาจมีแค่ไม่กี่ทีมที่ต่อสู้แย่งแชมป์กัน แต่ที่นี่ (พรีเมียร์ลีก) ทีมจ่าฝูงสามารถแพ้ทีมท้ายตารางได้ คุณจะเจอสถานการณ์แบบนี้ไม่บ่อยในลีกอื่น''
''ผมคิดว่าการต่อสู้ที่เข้มข้นดุเดือดของพรีเมียร์ลีก จะทำให้เขา (ฟาน กัล) ประหลาดใจ เพราะกุนซือต่างชาติหลายคนก็เคยบอกแบบนั้นกับผม''
เป็นคำเตือนที่คนรับสาร สามารถตีความว่าร็อดเจอร์ส กำลังพยายามข้ามรุ่น ''ไซโค'' หนึ่งในยอดกุนซือที่ประสบความสำเร็จมาทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
แล้วแต่มอง แล้วแต่มุมว่ามันอาจเป็นการทำสงครามประสาท หรือเป็นแค่การแสดงความคิดเห็นซึ่งถ้าตัดตัวอคติทิ้ง คงยากจะไม่เห็นด้วยกับกุนซือลิเวอร์พูล
ในยุคที่พาอาแจ็กซ์ คว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ สามสมัยซ้อนจาก 93/94 ถึง 95/96 แทบไม่มีคู่แข่งรายไหนเบียดขึ้นมาท้าชนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
แม้แต่พีเอสวี ก็อัพแอนด์ดาวน์ ไม่คงเส้นคงวา ตลอดสามปีนั้นอันดับสองหรือรองแชมป์หมุนเวียนเปลี่ยนหน้าจากเฟเยนูร์ด เป็นโรด้า เจซี และพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
ทีมของฟาน กัล เคยกระทั่งแพ้ถึง 6 นัดในลีกดัตช์ แต่ยังได้แชมป์สบายๆ ขณะที่รองแชมป์อย่างเฟเยนูร์ด แพ้แค่สองหน
ข้ามมาสเปน แชมป์ลา ลีกา สองปีติดกับบาร์เซโลน่า มาในยุคที่เรอัล มาดริด เข้าป้ายแค่ที่ 4 เพราะมัวทุ่มสมาธิไปกับการล่าแชมป์ยุโรป
1997/98 บาร์ซ่า ภายใต้กุนซือชาวดัตช์ แพ้ถึง 10 เกมในลีก แต่คะแนนยังทิ้งขาดบิลเบา ที่คว้าอันดับสอง 9 แต้ม
ปีต่อมาแพ้ 7 นัด แต่คะแนนก็ทิ้งกันเกินสิบ เพราะรองแชมป์อย่างเรอัล มาดริด ออกทะเลแพ้กระจุย 12 เกม
มีเพียงการนำอาแซ่ด อัลค์มาร์ ง้างอุ้งมือของสามเจ้าพ่อวงการฟุตบอลดัตช์อย่างพีเอสวี, อาแจ็กซ์ และเฟเยนูร์ด จากการฮุบถ้วยแชมป์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี ที่ช่วยลบครหาว่าฟาน กัล เก่งแต่คุมทีมใหญ่
สมัยพาทีมอาแซ่ด อัลค์มาร์คว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี
เปล่า นี่ไม่ใช่การขุดคุ้ยเพื่อดิสเครดิตฝีมือของฟาน กัล คำครหาสงสัยเหล่านั้นเปรียบคงเป็นแค่สิวที่น่ารำคาญบนใบหน้าอันหล่อเหลาของณเดชน์ เท่านั้นเอง กระนั้นในลีกฮอลแลนด์, ลา ลีกา หรือบุนเดสลีกา กับบาเยิร์น มิวนิค ทีมลุ้นแชมป์นับได้ไม่ครบนิ้วมือข้างเดียว
ข้อนี้ ทุกคนก็ต้องยอมรับ
ร็อดเจอร์ส เตือนแล้วว่าฟาน กัล จะเซอร์ไพรส์ จะประหลาดใจกับ competitive ของฟุตบอลอังกฤษ แต่ถึงอย่างนั้น....ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะมาเร็วตั้งแต่วันแรกของฤดูกาล
อ่านถึงบรรทัดนี้ บางคนอาจจับผิด...สรุปว่าแมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เร็วหรือช้ากันแน่ ?
เพราะตอนแรกบอกเหมือนว่าช้าไป แต่หลังๆ ดันบอกว่าเร็ว... เออ เอากับมันสิ !
สรุปอย่างนี้ครับ...การพลาดพลั้งเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้ของแมนฯ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นในช่วงเวลาทั้ง ''ช้า'', ''เร็ว'' และ ''ไม่ช้าไม่เร็ว''
ครบสามกาลเวลา ขึ้นอยู่ว่าจะมองเหลี่ยมไหน
ช้า เพราะถ้าปีศาจแดงโดนโรม่า อัดกลิ้งเป็นลูกขนุน หรือแพ้ลิเวอร์พูล สัก 5 ลูกในนัดชิงที่อเมริกา ฟาน กัล ต้องไม่ย่ามใจจัดทีม หรือใช้แท็กติกเหมือนเกมออกสตาร์ตกับสวอนซี
เร็ว เพราะแม้แต่กองแช่งที่สุดอย่างเด็กหงส์แดงก็เชื่อว่า ''หงส์ขาว'' น่าเป็นเหยื่ออันโอชะของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังคึกคักเหลือคณา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ช้าไม่เร็ว แมนฯ ยูไนเต็ด เสียแค่สามแต้มแรกของซีซั่นและเห็นปัญหา ที่สำคัญมันเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดซื้อขายยังมีเวลาสิบกว่าวันให้ช็อปปิ้ง
สะดุดเสียตอนนี้ แม้ว่าน่าเสียดายที่ควรจะเกิดตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ชัยชนะกลบเกลื่อนจุดอ่อน และกว่าจะรู้ตัว อะไรๆ ก็สายไม่ทันการณ์แล้ว
อย่างน้อยครับ ฟาน กัล ก็ได้ทบทวนว่าด้วยขุมกำลังผู้เล่นของแมนฯ ยูไนเต็ด เวลานี้ เขาควรจัดทีมในแนวทางใด
นักเตะนำระบบ
หรือวางระบบ แล้วใส่จิกซอว์เติมลงไป
เวลานี้และที่ผ่านมาตั้งแต่ปรีซีซั่น ฟาน กัล เลือกทำแบบหลัง ปักธงระบบ 3-5-2 หรือ 3-4-1-2 แล้วแต่ใครจะเรียก ก่อนหานักเตะลงไปเติมในช่องว่าง
วันก่อน No.10 บอกเล่าเก้าสิบในคอลัมน์แล้วว่าระบบนี้มีข้อจำกัดอย่างไร และเหมาะหรือไม่กับลีกที่เน้นเกมด้านข้างของสนามอย่างฟุตบอลอังกฤษ
แม้แต่บอกว่าความสำเร็จของระบบนี้กับฮอลแลนด์ ในฟุตบอลโลก 2014 ก็มีเหตุปัจจัยส่วนหนึ่งจากการเล่นเกมโต้กลับฉับไว
ทว่าในอังกฤษ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่ต้องเดินหน้าบุกใส่คู่แข่งมากกว่า 80 % ของจำนวน 38 นัด
แท็กติกเน้นรับแล้วรอสวนอย่างที่ทำได้ผลในเกมขย้ำสเปน คงสามารถใช้ได้บางแมตช์ในพรีเมียร์ ลีก อาทิ เจอแมนฯ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซน่อล หรือเวลาไปเยือนแอนฟิลด์
มันจะดูทรงประสิทธิภาพขึ้นมาโดยพลัน
แต่เมื่อต้องเล่นกับสวอนซี และอีกไม่ต่ำกว่า 13-14 ทีมที่เหลือ ปีศาจแดงตกอยู่ในฐานะ ''ผู้ถูกล่า'' จากเกมโต้กลับ
แอชลี่ย์ ยัง ไม่ใช่วิงแบ็ก อย่างที่เคยมีเสียงพูดเปรียบเขากับ เดิร์ค เค้าท์ ในทีมฮอลแลนด์
คุณไม่รู้หรอกหรือว่าฉายาของเค้าท์ สมัยเล่นให้ลิเวอร์พูล คือ ''กองหน้าตัวรับ'' ด้วยทักษะในการช่วยตัดเกมคู่แข่ง นอกเหนือไปจากความขยันและวิ่งไม่หยุด
แอชลี่ย์ ยัง มีแค่แรงวิ่ง หากไม่ได้มีทักษะด้านเกมรับนั้นเลย ประตูชัยของสวอนซี เปิดแผลเลือดสาด ถ้าเปลี่ยนจาก แอชลี่ย์ ยัง เป็นแบ็กธรรมชาติสักคน เชื่อว่าเขาคงยืนตำแหน่งได้ดีกว่านี้
''ยัง'' ไม่ผิด แต่คนผิดและต้องรับผิดชอบคือ หลุยส์ ฟาน กัล
เพราะเขาเลือกระบบก่อนดูหน้าตานักเตะว่าจะเล่นได้หรือไม่ และเพราะเหตุนี้เท่ากับบีบให้เขาต้องใช้
งานบางคนที่ตลอดฤดูกาลที่แล้ว ไม่มีประสบการณ์แม้แต่นาทีเดียวในพรีเมียร์ลีก ออกสตาร์ตตัวจริง
เจสซี่ ลินการ์ด, ไทเลอร์ แบล็คเค็ตต์ และต้องรวมถึงตัวใหม่อย่างอันเดร์ เอร์เรร่า
ขณะที่ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ได้เล่นแค่ 779 นาที ส่วน ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ชิชาริโต้ ผ่านสมรภูมิเพียง 839 นาทีในซีซั่น 2013/14
ในทางตรงข้าม นักเตะที่ฟอร์มดีกว่ามากมายอย่าง อั๊ดนาน ยานาไซ แม้กระทั่ง ชินจิ คางาวะ ต้องนั่งกรอกตาเป็นเลขแปดอยู่ข้างสนาม เพราะฟาน กัล รีเควสนักเตะในบทบาทวิงแบ็ก
จริงอยู่ว่าฟาน กัล เลิกดื้อ เปลี่ยนมาใช้ระบบเย็นตาโฟ เอ๊ย แบ็กโฟร์ ในครึ่งหลัง แต่ปัญหาของแมนฯ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นตั้งแต่ชัยชนะสวยหรูที่ไร้ความหมายนั้นแล้ว...